Take-Profit

จาก cryptofutures.trading
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

🇹🇭 เริ่มต้นการเทรดคริปโตกับ Binance ประเทศไทย

สมัครผ่าน ลิงก์นี้ เพื่อรับส่วนลดค่าธรรมเนียมแบบถาวร!

✅ ส่วนลดค่าธรรมเนียม 10% สำหรับ Futures
✅ รองรับการฝากเงินด้วย THB ผ่านบัญชีธนาคาร
✅ แอปมือถือ รองรับภาษาไทย และบริการลูกค้าท้องถิ่น

    1. Take-Profit: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์สคริปโตมือใหม่

Take-Profit (TP) คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ฟิวเจอร์สคริปโตทุกคนต้องทำความเข้าใจและใช้งานอย่างเชี่ยวชาญ บทความนี้จะอธิบาย Take-Profit อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมายหลักการทำงาน การตั้งค่า ไปจนถึงกลยุทธ์การใช้งานต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด

      1. Take-Profit คืออะไร?

Take-Profit หรือ TP คือคำสั่งที่ส่งไปยัง Exchange เพื่อปิดสถานะการเทรดของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่คุณกำหนดไว้ล่วงหน้า เปรียบเสมือนการตั้งเป้าหมายกำไรที่ชัดเจน หากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้ และถึงระดับ TP ที่คุณตั้งไว้ คำสั่ง TP จะถูกดำเนินการและปิดการเทรดของคุณโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณได้รับกำไรตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

    • ทำไมต้องใช้ Take-Profit?**
  • **ล็อคกำไร:** ช่วยให้คุณล็อคกำไรที่ได้มาเมื่อราคาเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ ป้องกันไม่ให้กำไรที่ได้มาหายไปเนื่องจากการกลับตัวของราคาที่คาดไม่ถึง
  • **ลดความเสี่ยง:** ช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในขณะที่อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง การตั้ง TP ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลกับการตัดสินใจว่าจะปิดการเทรดเมื่อใด
  • **เทรดอย่างมีวินัย:** ช่วยให้คุณเทรดอย่างมีวินัยตามแผนที่วางไว้ ไม่ใช่ตามอารมณ์
  • **ประหยัดเวลา:** ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอเพื่อติดตามราคาตลอดเวลา ระบบจะปิดการเทรดให้คุณโดยอัตโนมัติเมื่อถึงเป้าหมาย
      1. หลักการทำงานของ Take-Profit

การทำงานของ Take-Profit ค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อคุณเปิดสถานะการเทรด (ซื้อ หรือ ขาย) คุณสามารถตั้งค่า Take-Profit ได้พร้อมกัน หรือจะตั้งค่าภายหลังก็ได้ โดยคุณจะต้องระบุระดับราคาที่คุณต้องการให้ระบบปิดการเทรดของคุณโดยอัตโนมัติ

    • ตัวอย่าง:**

สมมติว่าคุณคาดการณ์ว่าราคาของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้น และคุณเปิดสถานะ Long (ซื้อ) ที่ราคา 30,000 ดอลลาร์ คุณสามารถตั้ง Take-Profit ไว้ที่ 31,000 ดอลลาร์ หากราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นถึง 31,000 ดอลลาร์ คำสั่ง Take-Profit จะถูกดำเนินการและปิดสถานะ Long ของคุณโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณได้รับกำไร 1,000 ดอลลาร์

      1. การตั้งค่า Take-Profit บน Exchange

วิธีการตั้งค่า Take-Profit จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ Exchange ที่คุณใช้ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนดังนี้:

1. **เปิดสถานะการเทรด:** เลือกสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรด และเปิดสถานะ Long (ซื้อ) หรือ Short (ขาย) 2. **ตั้งค่า Take-Profit:** ในหน้าต่างการเทรด จะมีช่องให้คุณระบุระดับราคา Take-Profit 3. **ยืนยันคำสั่ง:** ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง และยืนยันคำสั่ง Take-Profit

บาง Exchange อาจมีตัวเลือกเพิ่มเติม เช่น การตั้งค่า Take-Profit แบบ Percentage (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาเปิด) หรือการใช้ Trailing Stop ซึ่งจะปรับระดับ Take-Profit ตามการเคลื่อนไหวของราคา (จะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป)

      1. ประเภทของ Take-Profit
  • **Fixed Take-Profit:** ระดับราคา Take-Profit ถูกกำหนดไว้คงที่ และจะไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าจะถูกยกเลิก เป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด
  • **Trailing Stop Take-Profit:** ระดับราคา Take-Profit จะปรับตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่คุณต้องการ หากราคาเคลื่อนที่ขึ้น (สำหรับสถานะ Long) ระดับ Take-Profit จะปรับขึ้นตามไปด้วย แต่หากราคาปรับตัวลง ระดับ Take-Profit จะยังคงอยู่ที่ระดับเดิม หรืออาจลดลงตามการตั้งค่าของคุณ Trailing Stop Loss เป็นเครื่องมือที่ทำงานคล้ายกัน แต่ใช้เพื่อจำกัดความเสี่ยง
  • **Percentage-Based Take-Profit:** ระดับราคา Take-Profit ถูกกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาเปิด ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้ง Take-Profit ไว้ที่ 5% และคุณเปิดสถานะ Long ที่ราคา 30,000 ดอลลาร์ ระดับ Take-Profit จะอยู่ที่ 31,500 ดอลลาร์ (30,000 + 5%)
      1. กลยุทธ์การตั้งค่า Take-Profit

การตั้งค่า Take-Profit ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสำหรับการตั้งค่า TP ที่ดีที่สุด แต่มีกลยุทธ์บางอย่างที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้:

1. **ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น แนวรับ แนวต้าน Fibonacci Retracement Moving Average และ Bollinger Bands เพื่อระบุระดับราคาที่เป็นไปได้ที่ราคาอาจหยุด หรือกลับตัว 2. **พิจารณาความผันผวนของตลาด:** ในตลาดที่มีความผันผวนสูง ควรตั้ง Take-Profit ในระยะที่ห่างออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูก Stop-out ก่อนที่จะถึงเป้าหมาย การวัดความผันผวนสามารถทำได้โดยใช้ ATR (Average True Range) 3. **ใช้ Risk-Reward Ratio:** คำนวณ Risk-Reward Ratio เพื่อให้แน่ใจว่ากำไรที่คาดหวังคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่รับได้ โดยทั่วไปแล้ว Risk-Reward Ratio ที่ดีควรอยู่ที่ 1:2 หรือ 1:3 (หมายความว่ากำไรที่คาดหวังควรเป็นสองเท่า หรือสามเท่าของความเสี่ยง) 4. **พิจารณา Timeframe:** Timeframe ที่คุณใช้ในการเทรดจะมีผลต่อการตั้งค่า Take-Profit หากคุณเทรดในระยะสั้น (เช่น Scalping) คุณอาจต้องตั้ง Take-Profit ในระยะที่ใกล้เคียงกว่า 5. **ใช้ Backtesting:** ทดสอบกลยุทธ์การตั้งค่า Take-Profit ของคุณด้วย Backtesting เพื่อดูว่ากลยุทธ์นั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ในอดีต

      1. ความสัมพันธ์ระหว่าง Take-Profit และ Stop-Loss

Take-Profit และ Stop-Loss เป็นเครื่องมือที่ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร Stop-Loss คือคำสั่งที่ปิดสถานะการเทรดของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ไว้

  • **Stop-Loss จำกัดความเสี่ยง:** ช่วยจำกัดจำนวนเงินที่คุณอาจสูญเสียจากการเทรด
  • **Take-Profit ล็อคกำไร:** ช่วยล็อคกำไรที่ได้มาเมื่อราคาเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์

การตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่สมดุล

      1. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ Take-Profit
  • **ตั้ง Take-Profit สูงเกินไป:** การตั้ง Take-Profit สูงเกินไปอาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไร เนื่องจากราคาอาจไม่ถึงระดับที่คุณตั้งไว้
  • **ตั้ง Take-Profit ต่ำเกินไป:** การตั้ง Take-Profit ต่ำเกินไปอาจทำให้คุณได้กำไรน้อยเกินไป
  • **ไม่ใช้ Take-Profit เลย:** การไม่ใช้ Take-Profit อาจทำให้คุณสูญเสียกำไรที่ได้มาเนื่องจากการกลับตัวของราคา
  • **ปรับ Take-Profit บ่อยเกินไป:** การปรับ Take-Profit บ่อยเกินไปอาจทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาดและพลาดโอกาสในการทำกำไร
      1. การใช้ Take-Profit ร่วมกับกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ

Take-Profit สามารถใช้ร่วมกับกลยุทธ์การเทรดต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ ตัวอย่างเช่น:

  • **Breakout Trading:** ตั้ง Take-Profit ไว้ที่ระดับแนวต้านถัดไปหลังจากราคา Breakout แนวต้าน
  • **Trend Following:** ตั้ง Take-Profit ตามความยาวของแนวโน้ม (Trend)
  • **Range Trading:** ตั้ง Take-Profit ที่ขอบบนและขอบล่างของกรอบราคา (Range)
  • **Scalping:** ตั้ง Take-Profit ในระยะที่ใกล้เคียง เพื่อทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อย
      1. เครื่องมือและ Resources เพิ่มเติม
  • **TradingView:** แพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการสร้างแผนภูมิ TradingView
  • **CoinMarketCap:** เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาและมูลค่าตลาดของคริปโตเคอร์เรนซี CoinMarketCap
  • **Binance Academy:** แหล่งความรู้เกี่ยวกับการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี Binance Academy
  • **หนังสือเกี่ยวกับการเทรด:** มีหนังสือมากมายเกี่ยวกับการเทรดคริปโตเคอร์เรนซีและฟิวเจอร์สที่คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้
      1. สรุป

Take-Profit เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์สคริปโตทุกคน การทำความเข้าใจหลักการทำงาน การตั้งค่า และกลยุทธ์การใช้งานต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด อย่าลืมว่าการเทรดมีความเสี่ยง และคุณควรลงทุนเฉพาะเงินที่คุณสามารถรับความสูญเสียได้เสมอ

การบริหารความเสี่ยง Position Sizing การวิเคราะห์ตลาด Candlestick Patterns Support and Resistance Technical Indicators Fundamental Analysis Market Sentiment Risk Management Trading Psychology Backtesting Exchange Bitcoin Ethereum Altcoins Volatility Liquidity Margin Trading Leverage Short Selling Long Position


แพลตฟอร์มการซื้อขายฟิวเจอร์สที่แนะนำ

แพลตฟอร์ม คุณสมบัติฟิวเจอร์ส ลงทะเบียน
Binance Futures เลเวอเรจสูงสุดถึง 125x, สัญญา USDⓈ-M ลงทะเบียนเลย
Bybit Futures สัญญาแบบย้อนกลับตลอดกาล เริ่มการซื้อขาย
BingX Futures การซื้อขายโดยการคัดลอก เข้าร่วม BingX
Bitget Futures สัญญารับประกันด้วย USDT เปิดบัญชี
BitMEX แพลตฟอร์มคริปโต, เลเวอเรจสูงสุดถึง 100x BitMEX

เข้าร่วมชุมชนของเรา

ติดตามช่อง Telegram @strategybin เพื่อข้อมูลเพิ่มเติม. แพลตฟอร์มทำกำไรที่ดีที่สุด – ลงทะเบียนเลย.

เข้าร่วมกับชุมชนของเรา

ติดตามช่อง Telegram @cryptofuturestrading เพื่อการวิเคราะห์, สัญญาณฟรี และอื่น ๆ!

🎁 รับโบนัสสูงสุด 5000 USDT ที่ Bitget

ลงทะเบียนที่ Bitget และเริ่มเทรดพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย!

✅ โบนัสต้อนรับสูงสุด 5000 USDT
✅ ซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิต/เดบิต และ Google Pay
✅ อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย รองรับผู้ใช้งานไทย