ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มกับการจัดการมาร์จินในการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโต

จาก cryptofutures.trading
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
  1. ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มกับการจัดการมาร์จินในการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโต

การซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้โอกาสในการทำกำไรทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง อย่างไรก็ดี สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น การเข้าใจ **ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม** และ **การจัดการมาร์จิน** เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้เพื่อป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

---

    1. 1. พื้นฐานการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโต

ฟิวเจอร์สคริปโตคือสัญญาที่ตกลงซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (เช่น Bitcoin หรือ Ethereum) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันที่กำหนดในอนาคต การซื้อขายฟิวเจอร์สช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง

ตัวอย่าง: หากคุณคาดว่า Bitcoin จะมีราคาสูงขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า คุณสามารถเปิดสัญญาซื้อ (Long) ในฟิวเจอร์ส Bitcoin และหากราคาเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ คุณก็จะได้กำไร

---

    1. 2. ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม

ทุกแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตจะมีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

      1. 2.1 ค่าธรรมเนียมการเปิด/ปิดสัญญา (Taker/Maker Fees)

- **Taker Fee**: ค่าธรรมเนียมที่จ่ายเมื่อคุณเปิดหรือปิดสัญญาโดยการ "รับ" คำสั่งซื้อ/ขายที่มีอยู่ในตลาด - **Maker Fee**: ค่าธรรมเนียมที่จ่ายเมื่อคุณเปิดหรือปิดสัญญาโดยการ "สร้าง" คำสั่งซื้อ/ขายใหม่ในตลาด

ตัวอย่าง: แพลตฟอร์ม Binance Futures เรียกเก็บ Taker Fee ที่ 0.04% และ Maker Fee ที่ 0.02% ของมูลค่าสัญญา หากคุณเปิดสัญญา Long Bitcoin มูลค่า 10,000 USD และเป็น Taker คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 10,000 * 0.04% = 4 USD

      1. 2.2 ค่าธรรมเนียมเงินทุน (Funding Fee)

ค่าธรรมเนียมนี้ถูกเรียกเก็บทุก ๆ ช่วงเวลา (ปกติทุก 8 ชั่วโมง) เพื่อปรับสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดฟิวเจอร์ส ค่าธรรมเนียมนี้ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและความต้องการในตลาด

ตัวอย่าง: หากอัตรา Funding Fee คือ 0.01% และคุณถือสัญญามูลค่า 10,000 USD คุณต้องจ่าย 10,000 * 0.01% = 1 USD ต่อรอบ

---

    1. 3. การจัดการมาร์จิน

มาร์จินคือเงินที่คุณต้องวางเป็นหลักประกันเพื่อเปิดสัญญาฟิวเจอร์ส มาร์จินช่วยให้คุณสามารถซื้อขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนที่คุณมี (Leverage) แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม

      1. 3.1 มาร์จินเริ่มต้น (Initial Margin)

คือเงินที่คุณต้องวางเพื่อเปิดสัญญา มาร์จินนี้คำนวณจาก Leverage ที่คุณเลือก

ตัวอย่าง: หากคุณเปิดสัญญา Bitcoin มูลค่า 10,000 USD ด้วย Leverage 10x คุณต้องวางมาร์จินเริ่มต้น 10,000 / 10 = 1,000 USD

      1. 3.2 มาร์จินบำรุง (Maintenance Margin)

คือเงินขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชีเพื่อรักษาสัญญาไว้ หากเงินในบัญชีของคุณต่ำกว่านี้ แพลตฟอร์มจะทำการ **Liquidation** (ปิดสัญญาอัตโนมัติ)

ตัวอย่าง: หาก Maintenance Margin คือ 0.5% ของมูลค่าสัญญา และคุณเปิดสัญญามูลค่า 10,000 USD คุณต้องมีเงินอย่างน้อย 10,000 * 0.5% = 50 USD ในบัญชี

---

    1. 4. เคล็ดลับการจัดการความเสี่ยง

1. **ใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง**: Leverage สูงเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยง Liquidation ด้วย 2. **ตั้ง Stop-Loss**: เพื่อจำกัดความสูญเสียหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม 3. **ติดตาม Funding Fee**: ค่าธรรมเนียมนี้สามารถลดกำไรของคุณได้หากไม่คำนึงถึง 4. **ศึกษาแพลตฟอร์ม**: เลือกแพลตฟอร์มที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและระบบการจัดการมาร์จินที่ชัดเจน

---

การซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ ด้วยการเข้าใจ **ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม** และ **การจัดการมาร์จิน** คุณจะสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงลงได้

    • อ่านเพิ่มเติม:**

- กลยุทธ์การซื้อขายฟิวเจอร์ส - การจัดการความเสี่ยงฟิวเจอร์ส

แพลตฟอร์มการซื้อขายฟิวเจอร์สที่แนะนำ

แพลตฟอร์ม คุณสมบัติฟิวเจอร์ส ลงทะเบียน
Binance Futures เลเวอเรจ 125x, สัญญา USDⓈ-M ลงทะเบียนทันที
Bybit Futures สัญญาถาวรแบบกลับด้าน เริ่มซื้อขาย
BingX Futures การซื้อขายแบบคัดลอกสำหรับฟิวเจอร์ส เข้าร่วม BingX
Bitget Futures สัญญามาร์จิน USDT เปิดบัญชี

เข้าร่วมชุมชน

สมัครสมาชิกช่อง Telegram @strategybin เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม แพลตฟอร์มคริปโตที่ทำกำไรสูงสุด - ลงทะเบียนที่นี่

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram @cryptofuturestrading เพื่อรับการวิเคราะห์ สัญญาณฟรี และอื่นๆ!