ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการ
- ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการในการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโต: คู่มือมือใหม่
การซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากมีโอกาสทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเทรดมีประสิทธิภาพ ผู้เทรดต้องเข้าใจ **ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการ (Taker Fee)** ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายฟิวเจอร์ส บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจพื้นฐานของฟิวเจอร์สคริปโต ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการ และวิธีคำนวณ รวมถึงคำแนะนำสำหรับมือใหม่
---
- 1. พื้นฐานฟิวเจอร์สคริปโต
- ความแตกต่างระหว่างฟิวเจอร์สและสปอต
- **ตลาดสปอต (Spot Market)**: เป็นการซื้อขายสินทรัพย์คริปโตโดยตรง คุณจะถือครองสินทรัพย์นั้นทันที - **ตลาดฟิวเจอร์ส (Futures Market)**: เป็นการซื้อขายสัญญาที่ตกลงกันในราคาและเวลาที่กำหนดในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์จริง
- ประเภทของสัญญาฟิวเจอร์ส
1. **ฟิวเจอร์สแบบมีวันหมดอายุ (Expiry Futures)**: สัญญาจะสิ้นสุดในวันที่กำหนด 2. **ฟิวเจอร์สถาวร (Perpetual Futures)**: ไม่มีวันหมดอายุ ผู้เทรดสามารถถือครองได้ตามต้องการ
- การใช้เลเวอเรจและความเสี่ยง
- **เลเวอเรจ (Leverage)**: ช่วยเพิ่มกำลังซื้อโดยใช้มาร์จินเป็นหลักประกัน เช่น เลเวอเรจ 10x หมายความว่าคุณสามารถควบคุมมูลค่าสัญญาที่ใหญ่กว่ามาร์จิน 10 เท่า - **ความเสี่ยง**: การใช้เลเวอเรจสูงอาจเพิ่มทั้งกำไรและขาดทุน หากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับที่คาดไว้
---
- 2. ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการ (Taker Fee)
ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการคือค่าธรรมเนียมที่ผู้เทรดจ่ายเมื่อเปิดหรือปิดสถานะโดยใช้คำสั่งที่ตรงกับคำสั่งที่มีอยู่ใน order book โดยทั่วไป ค่าธรรมเนียมนี้จะสูงกว่าค่าธรรมเนียมผู้ให้สภาพคล่อง (Maker Fee) เพราะผู้ทำรายการคือบุคคลที่ "รับ" คำสั่งที่มีอยู่
- ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติว่าคุณเปิดสถานะ Long บนสัญญาฟิวเจอร์ส BTC/USDT ด้วยเลเวอเรจ 10x และค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการคือ **0.05%**
- มูลค่าสัญญาที่เปิด: 10,000 USDT - ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการ: 10,000 USDT × 0.05% = **5 USDT**
---
- 3. ตัวอย่างการเทรดจริง
- ขั้นตอนการเปิดสถานะ Long และ Short
1. เลือกสัญญาฟิวเจอร์สที่ต้องการเทรด (เช่น BTC/USDT) 2. ตั้งค่าปริมาณและเลเวอเรจ 3. เปิดสถานะ Long (หากคาดว่าราคาจะขึ้น) หรือ Short (หากคาดว่าราคาจะลง)
- การตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit
- **Stop-Loss**: ตั้งเพื่อจำกัดความเสียหายหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม - **Take-Profit**: ตั้งเพื่อทำกำไรเมื่อราคาไปถึงจุดที่ต้องการ
- การคำนวณกำไร/ขาดทุน
กำไร/ขาดทุน = (ราคาปิด - ราคาเปิด) × ปริมาณสัญญา
---
- 4. คำแนะนำสำหรับมือใหม่
- วิธีเลือกแพลตฟอร์ม
- **Binance**: มีค่าธรรมเนียมแข่งขันสูงและฟีเจอร์ครบครัน - **Bybit**: มีอินเทอร์เฟซใช้งานง่ายและค่าธรรมเนียมต่ำ
- การจัดการความเสี่ยง
- อย่าใช้เลเวอเรจสูงเกินไป - ตั้ง Stop-Loss ทุกครั้ง - อย่าเทรดด้วยเงินทั้งหมด
- การใช้บัญชีทดลอง
ก่อนเริ่มเทรดด้วยเงินจริง แนะนำให้ฝึกฝนใน **บัญชีทดลอง** เพื่อทำความเข้าใจระบบและทดสอบกลยุทธ์
---
- ตารางเปรียบเทียบแพลตฟอร์มฟิวเจอร์ส
| แพลตฟอร์ม | ค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการ | เลเวอเรจสูงสุด | ฟีเจอร์เด่น | |-----------|--------------------------|----------------|-------------| | Binance | 0.04% | 125x | สินทรัพย์หลากหลาย | | Bybit | 0.06% | 100x | อินเทอร์เฟซง่าย | | BitMEX | 0.075% | 100x | มืออาชีพ |
---
- ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรด
1. **เทรดตามแนวโน้ม (Trend Trading)**: ซื้อเมื่อตลาดขาขึ้น ขายเมื่อตลาดขาลง 2. **เทรดสวิง (Swing Trading)**: จับจังหวะขึ้นลงของตลาดในช่วงสั้นๆ 3. **Hedging**: เปิดสถานะตรงข้ามเพื่อลดความเสี่ยง
---
- บทสรุป
การซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการทำกำไร แต่ก็มีความเสี่ยงสูง การเข้าใจค่าธรรมเนียมผู้ทำรายการและการจัดการความเสี่ยงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลองและศึกษากลยุทธ์ต่างๆ ก่อนลงทุนจริง
แพลตฟอร์มการซื้อขายฟิวเจอร์สที่แนะนำ
แพลตฟอร์ม | คุณสมบัติฟิวเจอร์ส | ลงทะเบียน |
---|---|---|
Binance Futures | เลเวอเรจ 125x, สัญญา USDⓈ-M | ลงทะเบียนทันที |
Bybit Futures | สัญญาถาวรแบบกลับด้าน | เริ่มซื้อขาย |
BingX Futures | การซื้อขายแบบคัดลอกสำหรับฟิวเจอร์ส | เข้าร่วม BingX |
Bitget Futures | สัญญามาร์จิน USDT | เปิดบัญชี |
เข้าร่วมชุมชน
สมัครสมาชิกช่อง Telegram @strategybin เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม แพลตฟอร์มคริปโตที่ทำกำไรสูงสุด - ลงทะเบียนที่นี่
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram @cryptofuturestrading เพื่อรับการวิเคราะห์ สัญญาณฟรี และอื่นๆ!