กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงแบบง่ายสำหรับมือใหม่
กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงแบบง่ายสำหรับมือใหม่
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง แม้ว่าคุณจะเน้นการลงทุนระยะยาวใน ตลาดสปอต (Spot Market) แต่การเรียนรู้การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ก็เป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยปกป้องพอร์ตโฟลิโอของคุณในช่วงที่ตลาดเกิดการปรับฐานรุนแรง บทความนี้จะแนะนำกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงพื้นฐานที่ใช้ร่วมกับ สัญญาฟิวเจอร์ส (Futures Contracts) สำหรับนักลงทุนมือใหม่ โดยเน้นการใช้งานที่เรียบง่ายและเข้าใจง่าย
การทำความเข้าใจพื้นฐาน: สปอต VS ฟิวเจอร์ส
ก่อนจะไปถึงกลยุทธ์ เราต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองตลาดนี้ก่อน
- **ตลาดสปอต**: คือการซื้อขายสินทรัพย์จริง ณ ราคาตลาดปัจจุบัน คุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นโดยตรง
- **สัญญาฟิวเจอร์ส**: คือข้อตกลงในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคตที่ราคาตกลงกันไว้ล่วงหน้า คุณไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง แต่เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคา โดยมักมีการใช้ เลเวอเรจ ซึ่งเพิ่มทั้งโอกาสและขนาดความเสี่ยง
เป้าหมายของการป้องกันความเสี่ยงคือการใช้ฟิวเจอร์สเพื่อลดผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตสปอตของคุณ โดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์จริงทิ้งไปทั้งหมด นี่คือแนวคิดหลักใน การจัดสมดุลความเสี่ยงระหว่างสปอตและฟิวเจอร์ส
กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงแบบง่าย: การเฮดจ์บางส่วน (Partial Hedging)
สำหรับมือใหม่ การพยายามเฮดจ์เต็มจำนวน (100%) อาจซับซ้อนและนำไปสู่การพลาดโอกาสทำกำไรเมื่อตลาดกลับตัว ดังนั้น การเฮดจ์บางส่วนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การเฮดจ์บางส่วนคือการเปิดสถานะ Short ในสัญญาฟิวเจอร์ส เพื่อชดเชยการลดลงของมูลค่าเหรียญที่คุณถือครองในสปอต เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
ตัวอย่าง:
สมมติว่าคุณถือเหรียญ A จำนวน 100 เหรียญใน ตลาดสปอต และคุณกังวลว่าราคาอาจจะปรับตัวลง 20% ในสัปดาห์หน้า
1. **ประเมินความเสี่ยง**: คุณตัดสินใจว่าคุณต้องการป้องกันความเสี่ยงเพียง 50% ของพอร์ตสปอตเท่านั้น (เท่ากับ 50 เหรียญ) 2. **เปิดสถานะ Short ฟิวเจอร์ส**: คุณเปิดสถานะขาย (Short) สัญญาฟิวเจอร์สของเหรียญ A จำนวนเทียบเท่ากับ 50 เหรียญ (โดยไม่สนใจเรื่องมาร์จินหรือขนาดสัญญาที่แน่นอนในการคำนวณเบื้องต้นนี้)
ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้:
- **ถ้าตลาดลง 20%**: มูลค่าสปอตของคุณลดลง 20% แต่สถานะ Short ฟิวเจอร์สของคุณจะทำกำไรได้ประมาณ 20% ของ 50 เหรียญที่เฮดจ์ไว้ ทำให้ความเสียหายสุทธิลดลง
- **ถ้าตลาดขึ้น 20%**: มูลค่าสปอตของคุณเพิ่มขึ้น 20% แต่สถานะ Short ฟิวเจอร์สของคุณจะขาดทุน แต่เนื่องจากคุณเฮดจ์เพียงครึ่งเดียว คุณจึงยังคงได้รับผลกำไรจาก 50 เหรียญที่เหลือ
การทำความเข้าใจ กลยุทธ์การเฮดจ์ เช่นนี้ ช่วยให้คุณไม่ต้องขายสินทรัพย์ที่คุณเชื่อมั่นในระยะยาวออกไป
การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อจับจังหวะ
การป้องกันความเสี่ยงไม่ใช่การทำแบบสุ่ม คุณควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อช่วยตัดสินใจว่า "เมื่อไหร่" ควรเปิดสถานะ Short เพื่อป้องกันความเสี่ยง และ "เมื่อไหร่" ควรปิดสถานะเฮดจ์นั้น
- 1. ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI)
RSI เป็นตัววัดโมเมนตัมที่ช่วยระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) สำหรับการป้องกันความเสี่ยง เราสนใจเมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐาน
- **สัญญาณเข้าเฮดจ์ (Short)**: เมื่อ RSI พุ่งขึ้นสูงกว่าระดับ 70 (หรือ 80 ในตลาดที่แข็งแกร่งมาก) บ่งชี้ว่าราคาสูงเกินไปและมีโอกาสกลับตัวลง คุณอาจพิจารณาเปิดสถานะ Short ฟิวเจอร์สเพื่อป้องกันความเสี่ยงในจุดนี้ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ การใช้ RSI หาจังหวะเข้าซื้อขาย
- 2. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่บรรจบ/แยก (MACD)
MACD ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมและทิศทางของแนวโน้ม หากเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้น Signal Line อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น
- **สัญญาณเข้าเฮดจ์ (Short)**: การตัดกันลงของ MACD เป็นสัญญาณยืนยันว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรงลง ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเริ่มป้องกันความเสี่ยงบางส่วน การปิดสถานะเฮดจ์อาจพิจารณาจากสัญญาณตรงกันข้าม ดังที่กล่าวไว้ใน การใช้ MACD ตัดสินใจออกจากตลาด
- 3. แถบโบลลิงเจอร์ (Bollinger Bands)
แถบโบลลิงเจอร์ ช่วยวัดความผันผวนและกำหนดขอบเขตความเคลื่อนไหวของราคา เมื่อราคาทะลุแถบด้านบนออกไปอย่างรุนแรง มักบ่งชี้ว่าราคาวิ่งเร็วเกินไปและอาจมีการย่อตัวกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย
- **สัญญาณเข้าเฮดจ์ (Short)**: เมื่อราคาแตะหรือทะลุแถบโบลลิงเจอร์ด้านบนอย่างรวดเร็ว และเกิดแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick) คุณอาจเปิดสถานะ Short เพื่อคาดหวังการกลับตัวลงมาสู่เส้นค่าเฉลี่ยกลาง (SMA) ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับจังหวะเข้าออกได้ที่ การใช้แถบ Bollinger Bands กำหนดจุดเข้าออก
การปิดสถานะป้องกันความเสี่ยง
การเฮดจ์จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อคุณปิดสถานะฟิวเจอร์สเมื่อความเสี่ยงผ่านพ้นไปแล้ว โดยทั่วไป การปิดสถานะเฮดจ์จะเกิดขึ้นเมื่อ:
1. ราคาลงมาถึงระดับที่คุณคาดการณ์ไว้ และคุณต้องการรักษาส่วนที่เหลือของพอร์ตสปอตไว้ 2. ตัวชี้วัดทางเทคนิคแสดงสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง (เช่น RSI กลับจากโซนขายมากเกินไป หรือ MACD ตัดขึ้น) 3. เมื่อคุณรู้สึกว่าความจำเป็นในการป้องกันความเสี่ยงหมดลงแล้ว (เช่น ข่าวร้ายที่กังวลได้ผ่านไปแล้ว)
การปิดสถานะ Short ฟิวเจอร์สคือการเปิดสถานะ Long ฟิวเจอร์สเพื่อปิดสถานะเดิม หรือปิดสถานะ Short โดยตรง
ตารางสรุปการตัดสินใจเฮดจ์เบื้องต้น
ตารางนี้แสดงตัวอย่างการตัดสินใจว่าจะเปิดสถานะ Short เพื่อป้องกันความเสี่ยงเมื่อใด โดยอิงจากเครื่องมือพื้นฐาน
เครื่องมือ | สภาวะที่น่าสนใจ | การดำเนินการที่อาจเกิดขึ้น |
---|---|---|
RSI | > 75 (Overbought รุนแรง) | เปิด Short ฟิวเจอร์ส 30% ของพอร์ตสปอต |
MACD | เส้น MACD ตัดลงต่ำกว่า Signal Line | พิจารณาเปิด Short เพิ่มเติม หากราคายังคงอยู่ในโซนสูง |
Bollinger Bands | ราคาปิดเหนือแถบด้านบน 2 วันติดต่อกัน | เตรียมพร้อมเปิด Short หากเกิดแท่งเทียนปฏิเสธราคา |
จิตวิทยาการลงทุนและความเสี่ยงที่ต้องระวัง
การป้องกันความเสี่ยงเป็นเรื่องของการบริหารความรู้สึกมากกว่าการทำกำไรสูงสุด การใช้ สัญญาฟิวเจอร์ส เพื่อเฮดจ์มีความเสี่ยงเฉพาะตัวที่มือใหม่ต้องตระหนัก
- 1. กับดักทางจิตวิทยาที่พบบ่อย
- **ความโลภในการเฮดจ์มากเกินไป**: นักลงทุนบางคนกลัวการขาดทุนมากเกินไปจนพยายามเฮดจ์ 100% หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะทำให้คุณพลาดกำไรเมื่อตลาดเป็นขาขึ้นอย่างรุนแรง การใช้ เลเวอเรจ ในการเฮดจ์ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
- **การปิดเฮดจ์เร็วเกินไป**: เมื่อตลาดเริ่มดีดตัวกลับ คุณอาจรู้สึกโล่งใจและปิดสถานะ Short เร็วเกินไป ทำให้คุณพลาดโอกาสทำกำไรจากส่วน Short และอาจพลาดการฟื้นตัวของพอร์ตสปอต
- **การถือสถานะเฮดจ์นานเกินไป**: หากคุณถือสถานะ Short ไว้ในขณะที่ตลาดกลับเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สถานะ Short นั้นจะกลายเป็นตัวถ่วงพอร์ตของคุณอย่างมาก คุณต้องมีวินัยในการปิดสถานะตามแผนที่วางไว้
- 2. ข้อควรระวังในการใช้ฟิวเจอร์ส
- **ความเสี่ยงในการถูกบังคับขาย (Liquidation)**: หากคุณใช้มาร์จิ้นในการเปิดสถานะ Short และตลาดกลับตัวขึ้นอย่างรุนแรง (ตรงกันข้ามกับที่คุณคาด) สถานะ Short ของคุณอาจถูกบังคับขาย (Liquidation) ซึ่งจะทำให้คุณสูญเสียเงินทุนที่ใช้เป็นมาร์จิ้นไปทั้งหมด แม้ว่าพอร์ตสปอตของคุณจะยังอยู่ก็ตาม
- **ค่าธรรมเนียมการถือครอง (Funding Rate)**: ในสัญญาฟิวเจอร์สแบบถาวร (Perpetual Futures) จะมีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายหรือได้รับ ขึ้นอยู่กับว่าสถานะ Long หรือ Short มีมากกว่า หากคุณถือสถานะ Short เพื่อเฮดจ์เป็นเวลานาน คุณอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ ซึ่งจะลดประสิทธิภาพของการป้องกันความเสี่ยงลง
การป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการมีแผนการซื้อขายที่ชัดเจน และการทำความเข้าใจหลักการ ป้องกันความเสี่ยงด้วยฟิวเจอร์สคริปโต ก่อนที่จะนำไปปฏิบัติจริง
ดูเพิ่มเติม (บนไซต์นี้)
- การจัดสมดุลความเสี่ยงระหว่างสปอตและฟิวเจอร์ส
- การใช้ RSI หาจังหวะเข้าซื้อขาย
- การใช้ MACD ตัดสินใจออกจากตลาด
- การใช้แถบ Bollinger Bands กำหนดจุดเข้าออก
บทความแนะนำ
- แพลตฟอร์มฟิวเจอร์ส: เครื่องมือช่วยคำนวณมาร์จินและประเมินความเสี่ยง
- ใช้สัญญาฟิวเจอร์สทองคำเพื่อป้องกันความผันผวนราคา
- ป้องกันความเสี่ยงจากราคาฟิวเจอร์ส
- กลยุทธ์การซื้อขายฟิวเจอร์ส ETH แบบถาวรด้วยมาร์จินข้าม
- การป้องกันความเสี่ยงด้วยฟิวเจอร์สคริปโต
Recommended Futures Trading Platforms
Platform | Futures perks & welcome offers | Register / Offer |
---|---|---|
Binance Futures | Up to 125× leverage; vouchers for new users; fee discounts | Sign up on Binance |
Bybit Futures | Inverse & USDT perpetuals; welcome bundle; tiered bonuses | Start on Bybit |
BingX Futures | Copy trading & social; large reward center | Join BingX |
WEEX Futures | Welcome package and deposit bonus | Register at WEEX |
MEXC Futures | Bonuses usable as margin/fees; campaigns and coupons | Join MEXC |
Join Our Community
Follow @startfuturestrading for signals and analysis.