การจัดการความเสี่ยงด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า: กลไกการชำระบัญชีฟิวเจอร์ส
- การจัดการความเสี่ยงด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า: กลไกการชำระบัญชีฟิวเจอร์ส
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคตได้ในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี สัญญาฟิวเจอร์สได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากมีลักษณะการทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง แต่การซื้อขายฟิวเจอร์สก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เช่น ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการขาดทุนเกินทุน (Liquidation) ดังนั้น การจัดการความเสี่ยงจึงเป็นหัวใจสำคัญในการซื้อขายฟิวเจอร์ส
บทความนี้จะอธิบายกลไกการชำระบัญชีฟิวเจอร์สและวิธีการจัดการความเสี่ยงสำหรับมือใหม่ โดยเน้นการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโต
---
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) คืออะไร?
สัญญาฟิวเจอร์สคือข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ ณ วันที่กำหนดในอนาคตในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ในตลาดคริปโต สินทรัพย์ที่ซื้อขายอาจเป็น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) หรือเหรียญคริปโตอื่นๆ
ตัวอย่าง: สมมติว่าคุณซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส Bitcoin ที่ราคา $30,000 โดยมีวันหมดอายุใน 1 เดือน หากในวันที่สัญญาเสร็จสิ้น ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น $35,000 คุณจะได้กำไร $5,000 แต่หากราคาลดลงเหลือ $25,000 คุณจะขาดทุน $5,000
---
- กลไกการชำระบัญชีฟิวเจอร์ส
การชำระบัญชีฟิวเจอร์สคือกระบวนการที่สัญญาฟิวเจอร์สถูกปิดและคำนวณกำไรหรือขาดทุน มี 2 รูปแบบหลัก:
1. **การชำระบัญชีด้วยเงินสด (Cash Settlement)**
ในกรณีนี้ สัญญาจะถูกชำระด้วยเงินสดตามราคาสุดท้ายของสินทรัพย์ ไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์จริง ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส Bitcoin และราคาสุดท้ายสูงกว่าราคาที่คุณซื้อไว้ คุณจะได้รับเงินส่วนต่าง หรือหากราคาต่ำกว่าคุณจะต้องจ่ายเงินส่วนต่าง
2. **การชำระบัญชีด้วยสินทรัพย์จริง (Physical Settlement)**
ในกรณีนี้ สัญญาจะถูกชำระด้วยการส่งมอบสินทรัพย์จริง เช่น Bitcoin หรือ Ethereum วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมในตลาดคริปโต
---
- การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขายฟิวเจอร์ส
การซื้อขายฟิวเจอร์สมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ต่อไปนี้คือเทคนิคสำคัญที่มือใหม่ควรรู้:
- 1. **การคำนวณ Margin และ Leverage**
- **Margin** คือเงินประกันที่คุณต้องวางเพื่อเปิดตำแหน่งซื้อขาย - **Leverage** คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดการซื้อขาย
ตัวอย่าง: หากคุณเปิดตำแหน่งซื้อ Bitcoin ด้วย Leverage 10x และ Margin $1,000 คุณสามารถควบคุมสัญญามูลค่า $10,000 ได้ แต่หากราคา Bitcoin ลดลง 10% คุณจะขาดทุน $1,000 และถูก Liquidation (ปิดตำแหน่งอัตโนมัติ)
- คำแนะนำ:**
- ใช้ Leverage ต่ำ (2x-5x) เพื่อลดความเสี่ยง - ตรวจสอบ Margin Level เพื่อหลีกเลี่ยง Liquidation
- 2. **การตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit**
- **Stop-Loss** คือการตั้งคำสั่งปิดตำแหน่งอัตโนมัติเมื่อขาดทุนถึงระดับที่กำหนด - **Take-Profit** คือการตั้งคำสั่งปิดตำแหน่งอัตโนมัติเมื่อทำกำไรถึงระดับที่กำหนด
ตัวอย่าง: หากคุณซื้อ Bitcoin ที่ $30,000 คุณสามารถตั้ง Stop-Loss ที่ $28,000 และ Take-Profit ที่ $35,000 เพื่อจำกัดความเสี่ยงและรักษากำไร
- 3. **การกระจายความเสี่ยง (Diversification)**
หลีกเลี่ยงการลงทุนทั้งหมดในสินทรัพย์เดียว กระจายเงินทุนไปยังหลายสินทรัพย์ เช่น Bitcoin, Ethereum, และเหรียญอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยง
- 4. **ติดตามข่าวสารและตลาด**
ราคาคริปโตมีความผันผวนสูงและได้รับผลกระทบจากข่าวสาร เช่น นโยบายรัฐบาล การอัพเกรดระบบบล็อกเชน หรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ การติดตามข่าวสารจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น
---
- ตัวอย่างการจัดการความเสี่ยง
สมมติว่าคุณซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส Bitcoin ด้วย Leverage 5x ที่ราคา $30,000 และตั้ง Stop-Loss ที่ $28,000 หากราคา Bitcoin ลดลงเหลือ $28,000 ตำ
แพลตฟอร์มการซื้อขายฟิวเจอร์สที่แนะนำ
แพลตฟอร์ม | คุณสมบัติฟิวเจอร์ส | ลงทะเบียน |
---|---|---|
Binance Futures | เลเวอเรจ 125x, สัญญา USDⓈ-M | ลงทะเบียนทันที |
Bybit Futures | สัญญาถาวรแบบกลับด้าน | เริ่มซื้อขาย |
BingX Futures | การซื้อขายแบบคัดลอกสำหรับฟิวเจอร์ส | เข้าร่วม BingX |
Bitget Futures | สัญญามาร์จิน USDT | เปิดบัญชี |
เข้าร่วมชุมชน
สมัครสมาชิกช่อง Telegram @strategybin เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม แพลตฟอร์มคริปโตที่ทำกำไรสูงสุด - ลงทะเบียนที่นี่
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram @cryptofuturestrading เพื่อรับการวิเคราะห์ สัญญาณฟรี และอื่นๆ!